ประเทศบาห์เรน บาห์เรนประวัติ เป็นอย่างไร?

ประเทศบาห์เรน บาห์เรนเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะ ในอ่าวเปอร์เซียโดยมีสะพานเชื่อมกันระหว่าง ประเทศซาอุดิอาระเบียที่ระยะห่างเพียง 28 กิโลเมตร นั้นก็คือสะพานคิงฟะฮัด ซึ่งได้มีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1986 ส่วนสะพานอีกแห่งหนึ่ง ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน รวมถึงเป็นจุดเชื่อมพรมแดน ระหว่างบาห์เรนและกาตาร์อย่าง สะพานมิตรภาพกาตาร์ – บาห์เรน

ที่กำลังอยู่ในการพัฒนาโครงการ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่าเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วยนั้นเอง ในอดีตนั้นบาร์เรนเป็นที่ตั้งของ อารยธรรมเดิมอย่างดิลมุนโบราณ มีชื่อเสียงจากการทำประมง

โดยเฉพาะในการล่าไข่มุข ที่ถือว่าได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงศตวรรษที่ 19 และด้วยความอุดมสมบูรณ์ ของท้องทะเลนั้นทำให้ อารยธรรมแห่งนี้เติบโตจากการ ค้าขายไข่มุกทะเลนั้นเอง จนกระทั่งต่อมานั้นเอง

บาร์เรนได้ตกเป็นอาณานิคมของโปตุเกส ในช่วงปี ค.ศ. 1521 จนถึงปี 1602 เลยทีเดียวจากการที่พิชิต ชาร์อับบาสที่ 1 แห่งราชวงค์ซาฟาวิด ที่ปราบปรามเล่าอาณานิคมโปตุเกส จนกระทั่งก่อตั้งราชวงค์ตั้งแต่นั้นมา

โดยมีกษัตริย์องค์แรกอย่าง เชคอะห์เหม็ด อิบน์ มุฮัมหมัด อิบน์ อัลเคาะลีฟะฮ์ ที่ปกครองบาห์เรนคนแรกนั้นเอง บาห์เรนเองนั้นถือได้ว่าเป็นพื้นที่แรกสุด ที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลาม จากการเกิดขึ้นของศาสนาในภูมิภาคนี้

โดยได้รับการแลกเปลี่ยนจากการค้า ในดินแดนทะเลอาหรับนั้นเอง หลังจากที่บาห์เรนได้รับอิสรภาพไม่นาน ก็ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีกที ในปี ค.ศ. 1800 ซึ่งแต่เดิมนั้นบาห์เรน คือดินแดนส่วนหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

อังกฤษได้แบ่งดินแดนของบาห์เรนออก และได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1971 และได้รับการประกาศให้เป็นประเทศ ที่ปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูธของอิสลาม แต่ในเวลาต่อมานั้นก็ต้องได้รับ

ผลกระทบทางการเมืองเหมือนกับ ประเทศอื่นๆในละแวกนั้นคือ อาหรับสปริงที่เกิดจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ถึงกุลุ่มรัฐศาสนาที่ต้องการใช้กฎเดียวกันกับกฎหมายนั้นเอง ถึงแม้การเมืองภายในจะดูมีปัญหา แต่ระบบเศรษฐกิจของบาห์เรนนั้น กลับเติบโดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นเอง

ประเทศบาห์เรน

ประเทศบาห์เรน บาห์เรน มี ความสำคัญอย่างไรในภูมิภาค?

ด้วยที่ตั้งของประเทศแห่งนี้ นับว่าอยู่บริเวณอ่าวเปอร์เซีย ที่ถือว่าเป็นทะเลการค้าที่เก่าแก่ รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากร รวมถึงสัตว์น้ำต่างๆ ที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนทั้งเมือง จากการทำการประมงนั้นเอง อีกทั้งยังเป็นรัฐแรกๆเลยทีเดียว ที่ได้รับศาสนาอิสลาม เข้ามามในดินแดน จนกระทั่งแพร่หลายออกไปทั่วทั้งตะวันออกกลาง

รวมถึงจุดยุทธศาสตร์ของที่ตั้งนั้น นับว่าอยู่ท่ามกลางประเทศอื่นๆ ที่ประกบข้างกัน ทำให้การค้าในภูมิภาคนั้นเกิดความคึกคักนั้นเอง จนกระทั่งเวลาต่อมาโลกเริ่มรู้จักน้ำมัน ที่เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรม

เป็นที่ต้องการของประเทศมหาอำนาจ รวมถึงทั่วทั้งโลกนั้นเอง ประเทศแถบตะวันออกกลาง รวมถึงบาห์เรนเองได้ส่งออกน้ำมัน เป็นประเทศแรกๆในบริเวณอ่าวเปอร์เซ๊ย ซึ่งเป็นผลให้บาห์เรนเองมีการลงทุนในภาคธนาคาร

และการท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ ที่เมืองมานามา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ จากดัชนีธนาคารโลกที่ชีวิดประชาชนในบาห์เรน และได้รับการยอมรับจากธนาคารโลก

ว่าบาห์เรนนั้นมีระบบเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ๋ เป็นอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว ถึงแม้จะเป็นประเทศเกาะเล็กๆนั้น แต่ประเทศแห่งนี้กลับมีเสถียรภาพ ทางด้านการเงินเป็นอย่างมาก รวมถึงเมืองต่างๆนั้นยังเปิดรับบริการ การท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ ให้ได้ชมความงดงามของ สถาปัตยกรรม และความหรูหราของประเทศแห่งนี้ ในดินแดนอาหรับนั้นเอง

บาห์เรนสถานที่ท่องเที่ยวเป็นอย่างไร?

ประเทศเกาะเล็กๆแห่งนี้นั้นนับว่า มีอารยธรรมที่เก่าแก่ร่วมกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้เลยทีเดียว ด้วยทะเลการค้าอันเก่าแก่ทำให้ เกาะแห่งนี้นั้นกลายเป็นเมืองที่มีผู้คน รวมถึงวัฒนธรรมร่วมกันมาอย่างยาวนาน ทำให้ประเทศแห่งนี้มีโบราณสถาน แล้วถึงเศษซากอารยธรรมในอดีต ให้ได้ชมกันนั้นเอง ปัจจุบันด้วยความมั่งคั่งของประเทศ ได้เปลี่ยนประเทศแห่งนี้ไปจากเดิมอย่างมาก

สถาปัตยกรรมเป็นแบบสมัยใหม่ ในโลก ตะวันออกกลาง สถานที่ท่องเที่ยวแรกคือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาห์เรน ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2531 มีเนื้อที่กว่า 27,800 ตารางเมตร ที่แห่งนี้เก็บรวบรวมวัตถุโบราณในอดีต

ที่มีมากมายจากการค้นพบบริเวณทั่วเกาะ เครื่องมือต่างๆในอดีตรวมถึงการจัดแสดง หุ่นจำลองวิถีชีวิตประเพณีชาวเกาะบาห์เรน ตั้งแต่ครั้งที่อาณาจักรเมโสโปเตเมีย และกรีกในนาม “ติลมุน” และ “ไทลอส” ที่มีอายุกว่า 4,000 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว

นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมี การแสดงเนินบรรจุศพที่ ( Burial Mound ) สมัยอารยธรรมติลมุน เป็นแบบจำลองให้เห็นถึงอารยธรรม โบราณ บนเกาะแห่งนี้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกของโลกด้านวัฒนธรรมเลยทีเดียว

ทำให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาศึกษาประวัติศาสตร์ของที่นี้ บนเกาะเล็กๆที่แสนจะมั่งคั่งแห่งนี้นั้นเอง สถานที่ต่อไปคือ มัสยิดกลาง ( Al Fateh Grand Mosque ) มัสยิดแห่งนี้นับว่าเป็นศูนย์รวมศรัทธา ของผู้คนที่นี้เลยทีเดียว

เพราะด้วยสถาปัตยกรรมการก่อสร้างนั้น ได้เริ่มสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2527 จนแล้วเสร็จในปี 2531 ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพระราชวัง Gudaibiya ซึงเป็นสถานที่รับแขกคนสำคัญ รวมถึงประชุมคณะรัฐมนตรีนั้นเอง

ซึ่งมัสยิดนั้นมีจุดเด่นที่โดมทำด้วยไฟเบอร์กลาสขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 25 เมตร สูงจากพื้นถึง 40 เมตร อาคารภายในมัสยิดนั้นดูเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสงบแก่ผู้มาเยือน ทำให้ที่แห่งนี้นับว่าเป็นอีกไฮไลท์หนึ่ง

ของการท่องเที่ยวในบาห์เรนเลยทีเดียว ตลอดการเดินภายในอาคารนั้น จะมีการบรรยายเกี่ยวกับหลักคำสอน ของศาสนาอิสลามและวิถีปฎิบัติของมุสลิม รวมถึงการแต่งกายให้เหมาะสม กับการเป็นชาวมุสลิมอีกด้วย

จึงทำให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยมนต์ขลังนั้นเอง เราไปกันต่อที่ ป้อมปราการบาห์เรน ( Bahrian Fort ) และพิพิธภัณฑ์ นับว่าเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในช่วงอารยธรรมติลมัน ( Dilmum ) เมื่อสมัย 3,000 ปีที่แล้วนั้นเอง

และมีการผลัดเปลี่ยนอาศัยกันตามยุคสมัย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1800 ป้อมแห่งนี้ได้ถูกทิ้งร้าง และถูกทะเลทรายทับถมกลบป้อมปราการ จากนั้นได้ถูกขุดขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1954 โดยนักโบราณคดีชาวเดนมาร์ก ทำให้เป็นแหล่งค้นพบโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่

รวมอารยธรรมเข้าไว้ถึง 7 อารยธรรมเข้าไว้ด้วยกัน จากการค้นพบนั้นเอง ปัจจุบันป้อมแห่งนี้ได้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ให้กับนักท่องเที่ยวได้ศึกษา ประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของประเทศ รวมถึงอารยธรรมร่วมในภูมิภาคนั้นเอง

สถานที่สุดท้ายคือ สนามแข่งรถ Fomula 1 ( Bahrain International Circuit ) นับว่าเป็นสนามแข่งในแดนตะวันออก ของกีฬาการแข่งขันรถยนต์ประเภทนี้ และกลายเป็นการแข่งขันระดับโลกอย่าง ทัวร์นาเมนต์กรังปรีซ์ที่จัดแข่งขึ้นทุกปี

โดยสนามภาคตะวันออกนั้น ประเทศบาห์เรนได้เป็นผู้จัดนั้นเอง ความยิ่งใหญ่ของที่นี้นั้นได้่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2002 และเปิดแข่งขันครั้งแรกในปี 2004 นับว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ ของชาวบาห์เรนที่

สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเป็นหนึ่งในตัวแทนจัดการแข่งขัน กีฬาที่ยิ่งใหญ่ในยุโรปตะวันตกนั้นเอง สถานที่ท่องเที่ยวในบาห์เรนไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังคงมีสถานที่อีกมากมายที่เป็นไฮไลท์ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รู้จัก ประเทศเกาะเล็กๆแห่งนี้นั้นเอง

ประเทศบาห์เรน

ปัจจุบันบาห์เรนเป็นอย่างไร?

ด้วยอุตสาหกรรมน้ำมันที่ส่งออกเป็นประเทศแรกๆ ในภูมิภาคอาหรับที่เริ่มมีการส่งออกน้ำมันทีหลัง เพราะด้วยบาห์เรนนั้นมีแหล่งทรัพยากรน้ำมัน ที่เรียกได้ว่าสร้างรายได้ ให้กับประเทศมาอย่างยาวนาน รวมถึงสร้างรายได้หัวเฉลี่ยในประเทศ ในลำดับที่สูงอีกด้วยจะเห็นได้จาก สถาบันการเงินขนาดใหญ่มากมาย เข้ามาลงทุนในประเทศนี้มากมาย ด้วยการที่ส่งออกน้ำมันเป็นประเทศแรกๆ

ทำให้เกิดการตั้งพิพิธภัณฑ์น้ำมันขึ้น บอกเล่าถึงโครงการต่างๆในอดีต รวมถึงการค้นพบบ่อน้ำมันในประเทศอีกด้วย ความมั่งคั่งของประเทศนี้ ได้พัฒนาเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจและสังคม ให้มีความพร้อมและเจริญก้าวหน้า รับกับยุคสมัยใหม่ที่กำลังเติบโต ไปกับการใช้พลังงานทดแทนนั้นเอง

สรุปการท่องเที่ยวในบาห์เรนเป็นอย่างไร?

นับว่าเป็นประเทศที่มีอารยธรรมและวัฒนธรรม อันเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของโลก รวมถึงร่องรอยทางอารยธรรมที่ตกทอด มาจากสิ่งก่อสร้างในอดีต ที่ถูกทรายกลบเอาไว้เป็นเวลานาน และวัตถุโบราณต่างๆที่ถูกค้นพบได้ ในบริเวณรอบๆเกาะนั้นเอง เพราะประเทศแห่งนี้มีชายฝั่ง ติดกับอ่าวเปอร์เซียที่ถือว่าเป็น เส้นทางการค้าที่เก่าแก่ ทำให้เราได้เห็นซากเรือหรือแม้กระทั่งสิ่งของ

จากเรือสินค้าในอดีตอันเป็น สิ่งที่ยืนยันตัวตนในอดีตถึงความมั่งคั่ง ทางการค้าในบริเวณนี้นั้นเอง รวมถึงไข่มุกที่ถือว่าเป็น เศรษฐกิจหลักในอดีตของเกาะแห่งนี้อีกด้วย หากใครที่ชื่นชอบวัฒนธรรมตะวันออกกลาง

จะต้องหลงรักบาห์เรนอย่างแน่นอน จึงทำให้ มองว่า บาห์เรน เป็นประเทศบนเกาะที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่กลับมีการพัฒนาที่เจริญเทียบเท่า กับประเทศอื่นๆในโลกอาหรับ เพราะด้วยการเริ่มต้นส่งออกน้ำมัน

เป็นประเทศแรกๆที่มีสัมพันธ์ทางการค้า มาอย่างยาวนานทำให้ประเทศแห่งนี้ มีความเจริญเป็นอย่างมาก และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้เข้ากับโลกยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น กับการใช้พลังงานทดแทนนั้นเอง 

คอมเมดี้ยอดนิยม

เที่ยวอเมริกากลาง