เที่ยวทีอิสตันบูล ประวัติ มีความเป็นมาอย่างไร?

เที่ยวทีอิสตันบูล เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ในประเทศ ตุรกี แต่ในอดีตนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของ อาณาจักรไบแซนไทน์ โดยในอดีตนั้นเมืองนี้ได้มีชื่อว่า คอนแสตนติโนเปิล นับว่าเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางระหว่าง ดินแดนทางตะวันตกของยุโรป และทางตะวันออก นับว่าเป็นดินแดนประตูสู่ตะวันออกของทวีปยุโรปเลยก็ว่าได้ โดยตั้งอยู่ระหว่างช่องแคบบอสพอรัส

ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชีย มีทะเลมาร์มาราและทะเลดำขั้นอยู่ อิสตันบูลนับว่าเป็นเมืองที่ เป็นศูนย์กลางทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นเมืองเส้นทางผ่านไปทางตะวันออก ทำให้สินค้าต่างๆทั้งยุโรปและเอเชีย ต่างต้องผ่านเมืองนี้อย่างแน่นอน และยังมีจำนวนประชากร ภายในเมืองมากที่สุดในยุโรปอีกด้วย ผู้คนอันหลากหลายทำให้เกิดการ

หล่อหลอมทางวัฒนธรรรม แรกเริ่มเดิมทีอาณาจักรไบแซนไทน์ นั้นเกิดขึ้นในราว 660 ก่อนคริสต์ศักราช ก่อตั้งโดยชาวโรมันตะวันออก และได้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า คอนสแตนติโนเปิล จนได้พัฒนาเป็นจักรวรรดิไบแซนไทน์

และเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ ในดินแดนแถบตะวันออกอีกด้วย จนกระทั่งเวลาต่อมาอาณาจักรไบแซนไทน์ได้ล้มสลายลง เมื่อชาวออตโตมันผู้มีความเชื่อทางศาสนาอิสลาม ได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในช่วงนั้น

ก็คือปืนใหญ่ กำแพงเมืองคอนสแตนติโนเปิลอันแข็งแกร่ง ในยุคโลกโบราณนั้น ได้พังทลายลงเมื่อเจอกับอาวุธสมัยใหม่ ทำให้เมืองนี้ตกเป็นของ อาณาจักรออตโตมันในเวลาต่อมา

ชาวออตโตมันได้มีบทบาทพัฒนาเมืองนี้ และเปลี่ยนชื่อใหม่ว่าเป็น อิสตันบูล จวบจนถึงทุกวันนี้ ภายในเมืองเราจะได้เห็น สถาปัตยกรรมผสมผสานกัน ระหว่างความเชื่อทั้งสองศาสนา ที่ถ่ายทอดบอกเรื่องราว ความยิ่งใหญ่ในอดีตของเมืองนี้ ให้เรารู้จักมากขึ้นอีกด้วย

เที่ยวทีอิสตันบูล

เที่ยวทีอิสตันบูล มี ความสำคัญอย่างไรในอดีต?

ด้วยที่ตั้งของเมืองนั้นอยู่ ท่ามกลางระหว่าง ยุโรป และ เอเชีย ทำให้การค้านั้นมี ความเจริญอย่างมาก นักประวัติศาสตร์ว่ากันว่า อิสตันบูล ได้รับการค้าขายจากจีนอีกด้วย เพราะมีการค้นพบหลักฐาน เส้นทางการค้าสายไหม ที่ทอดยาวจากเอเชียไปยังยุโรป สินค้าต่างๆจากทั่วทั้งโลกได้หลั่งไหลเข้ามายังเมืองนี้ จนทำให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรม

และวิทยาการต่างๆ แต่ภายหลังชาวออตโตมัน เข้ามามีอิทธิพลในอิสตันบูล ได้มีการจัดแจ้งและกำหนด ให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางค้าที่ เหมือนเป็นบ่อทองคำของ จักรวรรดิออตโตมันเลยก็ว่าได้

เมืองแห่งนี้จัดว่ามีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ ทางการเมืองและทหารอย่างมาก เพราะด้วยเมืองนี้เป็นศูนย์กลางของยุโรป และยังเป็นประตูสู่ดินแดนตะวันออก ทำให้เมืองนี้เหมือนเป็นตัวกำหนด

ราคาสินค้าต่างๆก่อนที่จะหลั่งไหล เข้าสู่อาณาจักรอื่นๆในยุโรป นับว่าเป็นการพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิออตโตมัน ที่ยึดเมืองยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ และได้กำหนดให้มันเป็นศูนย์กลาง ทางศาสนาอิสลาม

จนทำให้ออตโตมันมีความยิ่งใหญ่ มาได้หลายร้อยปี จนกระทั่งอาณาจักรออตโตมันล้มสลายลง ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เมืองนี้จึงได้กลายเป็นเมืองหลวง ของประเทศตุรกีใน ปัจจุบัน

ความงดงามและความเก่าแก่ของเมืองนั้น ได้ชักชวนนักท่องเที่ยวจากเที่ยวโลก ต่างอยากเดินทางมาชมความยิ่งใหญ่ และความงดงามของเมืองนี้ ที่มีสถาปัตยกรรมความเชื่อทางศาสนาอิสลาม ผสมกับศาสนาคริสต์ดั่งเดิม ที่เคยมีอิทธิพลในแถบนี้อีกด้วย

อิสตันบูล สถานที่ท่องเที่ยว มีอะไรบ้าง?  

อิสตันบูลนับว่าเป็นเมือง แห่งอารายธรรมเอันก่าแก่ สถาปัตยกรรมต่างๆรอบๆเมืองนั้น มีความโดดเด่นและ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เรายกสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจเต็มไปด้วยเรื่องราว ประวัติศาสตร์ของเมืองในอดีต ที่เป็นศูนย์กลางทั้งสองศาสนา  ระหว่างศาสนาคริสต์และอิสลาม สถานที่แรกนั้นคือ มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque, Istanbul)

เป็นสถานที่สำคัญของ เมืองนี้เลยก็ว่าได้ มัสยิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น สมัยการปกครองของสุลต่านอาร์เมดที่ 1 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ปี 1616 มัสยิดแห่งนีั้ประกอบไปด้วย หอคอยสูง 6 เมตร

และโดมที่มีระเบียงล้อมรอบมัสยิด มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ทางด้านสถาปัตยกรรม และทรงคุณค่าทางด้าน จิตรกรรมภายในอักด้วย สถานที่ต่อไปนั้นคือ สุเหร่าโซเฟีย (Hgia,Sophia)

เดิมที่เป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ในยุคสมัยของไบแซนไทน์ นิกายออร์ทอดอกซ์ และได้เปลี่ยนมาเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่มีโดมขนาดใหญ่กลางวิหาร มีอายุราว 1,500 ปี นับว่ามีความเก่าแก่อย่างมาก

และถือว่ายังคงสภาพที่สวยงาม ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมานาน เราไปกันต่อที่ แกรนบาซาร์ (Grand Bazaar) นับว่าเป็นตลาดเก่าแก่ สร้างครั้งแรกในสมัยสุลต่านเมห์เม็ดที่ 2 ในปี 1461 กินเนื้อที่กว่า 2 แสนตารางเมตร

นับว่ามีความเก่าแก่อย่างมาก ที่นี้เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ขายทุกอย่างจิปาทะ เป็นการเดินช้อปปิ้งที่ชมสถาปัตยกรรมไปพร้อมๆกัน ได้เหมือนกัน สถานที่สุดท้ายที่เราเดินทาง นั้นคือ พระราชวังโดลมาบาเซ (Dolmabahce Palace) เป็นพระราชวังหินอ่อนที่มีสถาปัตยกรรม แบบยุโรปตะวันตก ผสมกับตะวันออก ตัวอาคารยาวถึง 600 เมตร

ตั้งอยู่ริมบริเวณชายฝั่งทะเลมาร์มารา ในช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรป จุดเด่นของพระราชวังนี้คือ โคมไฟแซนเดอเลียร์ เป็นคริสตัลขนาดใหญ่ทั่สุดในโลก ได้รับจากอังกฤษที่มอบให้เป็นของขวัญ

หนักถึง 5,000 กิโลกรัม เลยทีเดียว ด้านในเองก็มีพรมทอมือ ผืนเดียวที่ทอดยาว ที่สุดในโลกอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวในอิสตันบูล ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมาก เมืองแห่งนี้เป็นดั่งมนต์เสน่ห์ ที่ชักชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วทั้งโลก มายังอิสตันบูลแห่งนี้นั้นเอง

เที่ยวทีอิสตันบูล

ปัจจุบันเมืองอิสตันบูลเป็นอย่างไร?

เมืองแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มากกว่าพันปี จนถึงปัจจุบันที่เป็นเมืองหลวง ของประเทศตุรกีในปัจจุบัน ก็ยังคงเป็นเมืองแห่งศรัทธา และยังคงเป็นศูนย์กลาง ระหว่างยุโรปกับเอเชียไมเนอร์ จึงเป็นสัญลักษณ์ของระหว่างสองวัฒนธรรม อยู่รวมกันมาถึงปัจจุบัน เมืองแห่งนี้ได้พัฒนาทางด้านการท่องเที่ยว เพราะอัตรานักท่องเที่ยวจาก

ทั่วทั้งโลกที่มาเยี่ยมชมเมืองแห่งนี้ มีจำนวนสูงขึ้นทุกปี เพราะด้วยมรดกทางอารยธรรม ที่ตกทอดมาถึงยุคปัจจุบัน นับว่าเป็นสมบัติของชาติเลยก็ว่าได้ สิ่งก่อสร้างต่างๆนั้น ไม่อาจประมาณค่าได้

และมีกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ที่ปกครองด้วยศาสนาอิสลามในปัจจุบัน วิถีชีวิตผู้คนที่นี้หรืออาหารนั้น เป็นตัวบ่งบอกวัฒนธรรม ของชุมชนต่างๆภายในเมือง ชาวเมืองที่นี้นั้นมีเชื้อสายที่เก่าแก่

ย้อนหลังไปถึงช่วงที่เมืองแห่งนี้ ช่วงยุคหินเก่าที่เริ่มมีผู้คนอาศัยกัน มีอารยธรรมอานาโตเลีย เอโอเลีย นับว่าชาวเมืองนั้นมีการผสมผสาน เก่าแก่มาตั้งแต่ยุคก่อนคริสต์ศตวรรษ

ด้วยปัจจุบันนั้นอิสตันบูล ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่ ที่มีประชากรที่หนาแน่นมากขึ้น จากการเป็นประเทศเปิดกว้างให้กับ เหล่าผู้อพยพมาอาศัยอยู่ที่นี้ เพื่อไปเป็นแรงงานในยุโรป ทางภาครัฐตุรกีเอง ได้ดูแลในเรื่องนี้ เพื่อให้เมืองนี้ยังคงสมบูรณ์ 

สรุปการเดินทางไปเที่ยวเป็นอย่างไร?

การเดินทางมาเที่ยวแห่งนี้ นับว่าได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ อันเก่าแก่ของเมืองแห่งนี้ ที่มีอารยธรรมโบราณเก่าแก่ หลายพันปี เมืองที่เป็นศูนย์กลางอำนาจของยุโรป ได้ถูกผลัดเปลี่ยนผู้ปกครองมา หลายช่วงศตวรรษ นับว่าเมืองแห่งนี้เป็นดั่ง ถ้าใครได้ปกครองเหมือน ได้ปกครองยุโรปไปด้วย เพราะที่นี้นั้นในอดีต นับว่าเป็นศูนย์กลางทางการเผยแพร่ศาสนาคริสต์

ในช่วงที่อาณาจักรไบแซนไทน์ล่มสลาย จากการปิดล้อมของจักรวรรดิออตโตมัน ผู้ปกครององค์สุดท้าย ได้ส่งจดหมายไปยังพระสันตะปะปา เพื่อขอความช่วย เหลือทางด้านการทหาร นับว่าเป็นอีกความยิ่งใหญ่ของเมืองนี้

ที่ทุกคนต่างให้ความสำคัญ หรืออาจจะเป็นเพราะเมืองแห่งนี้ มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้อาณาจักรต่างๆ อยากครอบครองเพื่อเป็น การประกาศความยิ่งใหญ่ ให้กับชนชาติของตัวเอง ชุมชนความเป็นอยู่

หรือวัฒนธรรมนั้น มีความผสมผสนาน ระหว่างทั้งสองฝั่งยุโรป อาหารประจำท้องถิ่นนั้นมีส่วนผสมของทั้งสองวัฒนธรรม อีกอย่าง Manti (เกี๊ยวตุรกี) เป็นแป้งเกี๊ยวชิ้นเล็กๆ ยัดไส้ด้วยเนื้อแพะหรือเนื้อวัวบด

ราดด้วยซอสครีมโยเกิร์ต น้ำมันมะกอก และเครื่องเทศที่รอยอยู่โดยรอบ ทำให้เราได้เห็นการเอาวัฒนธรรมซอส ที่มาจากฝั่งยุโรปนำมาใช้ ประกอบอาหารอีกด้วย เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ในการเดินทางมาเที่ยวครั้งหนึ่งในชีวิต โดยที่คุณต้องลองมา พิสูจน์ด้วยตัวของคุณเอง

จึงทำให้ มองว่าอีสตันบูล เป็นเมืองๆหนึ่งที่น่าท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ด้วยประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ สถาปัตยกรรม ผังเมืองต่างๆ รวมถึงวิถีชีวิตชุมชนอาหารหรือสิ่งของ

ที่ขึ้นชื่อของตรุกี นั้นสร้างความประทับใจใหักับการ ไปเที่ยวในครั้งนี้อีกด้วย เมืองแห่งนี้มียังมีวิวธรรมชาติ ที่แสนโรแมนติกอีกด้วย เหมาะสำหรับการมาฮันนีมูน กับคนที่เรารักเป็นอย่างมาก หากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์รับรองว่า ห้ามพลาดเด็ดขาด

หนังไซไฟแห่งปี

เที่ยวที่สโตนเฮนจ์